ร่วมหุ้นกันทำโครงการร้านอาหาร ไม่ได้จดทะเบียนบริษัท ถูกเพื่อนโกงจะทำอย่างไร

Published by law_admin on

ร่วมหุ้นกันทำโครงการร้านอาหาร ไม่ได้จดทะเบียนบริษัท ถูกเพื่อนโกงจะทำอย่างไร

ร่วมหุ้นกันทำโครงการร้านอาหาร ไม่ได้จดทะเบียนบริษัท ถูกเพื่อนโกงจะทำอย่างไร

ร่วมหุ้นกันทำโครงการร้านอาหาร ไม่ได้จดทะเบียนบริษัท ถูกเพื่อนโกงจะทำอย่างไร

          วันนี้ผมทนายนำชัย พรมทา มีเรื่องคดีที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อช่วงปี 2560 นั้น “ก่อนกินโรคโควิด-19” เฮียนิรุจ (นามสมมุติ) ได้ร่วมกับเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมต้น เพื่อซื้อที่ดินมาตั้งใจจะทำร้านอาหารกึ่งผับ เพราะเห็นว่าที่ดินสวยและทำเลดี ติดกับมหาวิทยาลัยชื่อดังแถวๆภาคเหนือ ซื้อที่ดินมาในราคา 10 ล้าน ออกเงินกันไปคนละครึ่ง  แต่ปัญหามีว่า พอซื้อที่ดินมาแล้ว ตอนซื้อที่ดินมาดันไปใส่ชื่อเพื่อนเพียงคนเดียว และหลังจากซื้อมาก็ทำร้านได้เพียงประมาณ 20% ดันมาเกิดการระบาดของโรค   โควิด-19 ทำให้ไม่สามารถที่จะลงทุนต่อไปได้ ประกอบตัวเฮียนิรุจและเพื่อนธุรกิจเดิมก็ล้มทั้งคู่ จึงไม่มีเงินทำร้านต่อไป ผ่านมาวันนี้ไอ้เพื่อนคนนั้นแอบนำที่ดินไปขายให้กับบุคคลภายนอกในราคา 20 ล้านบาท เฮียนิรุจทั้งเสียใจและเจ็บใจที่เพื่อนหักหลัง จึงได้มาปรึกษาผมในวันนี้ และผมได้อธิบายข้อกฎหมายไป ดังนี้

  1. กรณีการเข้าร่วมหุ้นระหว่างเฮียนิรุจกับเพื่อน ถือเป็นสัญญาเข้าหุ้นส่วน (คือ สัญญาซึ่งบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกัน ด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำนั้น) ถือเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012 ดังนั้น ทรัพย์สินที่ร่วมกันซื้อมาถือเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วน ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของคนใดคนหนึ่งที่จะมีอำนาจไปจัดการได้โดยลำพัง และไม่อาจแสวงหาประโยชน์ใดๆ จากทรัพย์สินนั้นเป็นการส่วนตัวได้
  2. เมื่อเพื่อนของเฮียนิรุจนำทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนไปขายให้แก่บุคคลภายนอก กรณีถือว่าเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนไปเพื่อประโยชน์ของตนเองโดยทุจริต เป็นความผิดอาญาฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 และ มาตรา 353 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ เฮียนิรุจสามารถฟ้องคดีอาญาในข้อหาดังกล่าวนี้ได้
  3. เฮียนิรุจสามารถฟ้องเรียกให้เพิกถอนการโอนที่ดินระหว่างเพื่อนของเฮียนิรุจกับบุคคลภายนอกได้ หรือ สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายในความเสียหายได้ เช่น ถ้าที่ดินนั้นมีมูลค่าหรือได้ขายไปในมูลค่า 20 ล้านบาท เฮียนิรุจก็สามารถฟ้องเรียกเงินค่าที่ดิน 10 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีได้

          สัญญาห้างหุ้นส่วน ไม่ต้องทำเป็นหนังสือ ก็ฟ้องร้องดำเนินคดีกันได้ การนำทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวนั้น เป็นความผิดทั้งกฎหมายและผิดทั้งในแง่ของศีลธรรม

          อนึ่ง แต่อย่างไรก็ดีนั้น เนื่องจากว่าไม่มีการทำสัญญาห้างหุ้นส่วนระหว่างกันไว้ ดังนั้น เวลามีคดีต่อศาล ทนายความจะต้องนำสืบพยานหลักฐานอื่นประกอบแทน เพื่อหักล้างข้อสันนิฐานของกฎหมายที่เพื่อนเฮียนิรุจมีชื่อในโฉนดแต่เพียงผู้เดียว หากนำสืบไม่ได้เฮียนิรุจก็อาจจะต้องแพ้คดีไป

 

โดย ทนายนำชัย พรมทา

086-3314759

ติดตามข่าวสารของเราทาง Facebook : สำนักกฎหมายนำชัย พรมทา
เว็บไซต์ : https://numchailawyer.com
อ่านบทความทั้งหมด : https://bit.ly/2XVVfKQ

ติดต่อเราได้ที่ :
086-331-4759 | 086-847-2297 | 083-568-1148
E-mail : numchailaw.office@gmail.com
Line Official : @numchailawyers

สำนักกฎหมายนำชัยพรมทา, กฎหมาย, นำชัยพรมทา, บทความกฎหมาย, คลังความรู้กฎหมาย, ปรึกษากฎหมายฟรี, ปรึกษาด้านกฎหมาย, จ้างทนายความ

แชร์หน้านี้ !!