
ตามหลักกฎหมาย การแปลงหนี้ใหม่ คือ การที่คู่กรณีตกลงกันเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ อันมีผลให้หนี้เดิมระงับสิ้นไป และเกิดหนี้ใหม่ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งแตกต่างจากการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหนี้เพียงเล็กน้อย เช่น การเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ หรือการเปลี่ยนดอกเบี้ย เนื่องจาก การแปลงหนี้ใหม่เป็นการสร้างหนี้ขึ้นใหม่โดยสิ้นเชิง โดยที่หนี้เดิมถือว่าสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมาย ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา349 วางหลักว่าการที่จะแปลงหนี้ใหม่ตามกฎหมาย นั้นมีองค์ประกอบครบที่สำคัญดังนี้
1.ต้องมีหนี้เดิมผูกพันกันอยู่ก่อนที่จะมีการแปลงหนี้ใหม่ จะต้องมีหนี้เดิมที่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว
2.คู่กรณีตกลงเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้จะต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่นเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้, เปลี่ยนตัวลูกหนี้, เปลี่ยนวัตถุแห่งหนี้
3.มีเจตนาแปลงหนี้ใหม่ เป็นสิ่งสำคัญที่ศาลมักจะพิจารณา คือ เจตนาของคู่กรณี ว่ามีเจตนาที่จะให้หนี้เดิมระงับสิ้นไป และให้หนี้ใหม่เกิดขึ้นมาแทนที่อย่างแท้จริงหรือไม่
ดังนั้น ด้วยผลลัพธ์ที่สำคัญคือการระงับสิ้นไปของหนี้เดิม ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรทำความเข้าใจในหลักเกณฑ์และผลของกฎหมายให้ถ่องแท้ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา349
เมื่อคู่กรณีที่เกี่ยวข้องได้ทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ไซร้ ท่านว่าหนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปด้วยแปลงหนี้ใหม่
ถ้าทำหนี้มีเงื่อนไขให้กลายเป็นหนี้ปราศจากเงื่อนไขก็ดี เพิ่มเติมเงื่อนไขเข้าในหนี้อันปราศจากเงื่อนไขก็ดี เปลี่ยนเงื่อนไขก็ดี ท่านถือว่าเป็นอันเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้นั้น
ถ้าแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ ท่านให้บังคับด้วยบทบัญญัติทั้งหลายแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยโอนสิทธิเรียกร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13199/2558
ก่อนที่จำเลยที่ 1 จะทำสัญญาจะซื้อจะขายทาวน์เฮ้าส์ให้แก่โจทก์ โจทก์มีสิทธิได้รับเงินจากการขายที่ดินโฉนดเลขที่ 177532 จำนวน 6,000,000 บาท จากจำเลยที่ 2 และได้แปลงหนี้ใหม่มาเป็นสัญญาจะซื้อจะขายทาวน์เฮาส์ แต่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ได้สร้างทาวน์เฮาส์ให้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ได้ก่อสร้างทาวน์เฮาส์จึงต้องถือว่าหนี้อันจะพึงเกิดขึ้นเพราะแปลงหนี้ใหม่นั้นมิได้เกิดขึ้น หนี้เดิมคือหนี้เงินที่จำเลยที่ 2 จะต้องชำระให้แก่โจทก์ตามที่โจทก์มีสิทธิได้รับจากการที่ขายที่ดินโฉนดเลขที่ 177532 จำนวน 6,000,000 บาท จึงไม่ระงับสิ้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 351
การที่ศาลอุทธณ์ภาค 1 เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในเรื่องการแปลงหนี้ใหม่ซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยแล้วว่า เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ก่อสร้างทาวน์เฮาส์แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ จำเลยที่ 2 จึงต้องคืนเงินจำนวน 6,000,000 บาท แก่โจทก์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กลับวินิจฉัยว่า เมื่อสัญญาซื้อขายทาวน์เฮาส์พร้อมที่ดินเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยจำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญากับโจทก์ หนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 เกี่ยวกับการขายที่ดินโฉนดเลขที่ 177532 ย่อมระงับไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 349 โจทก์ชอบที่จะเรียกให้จำเลยที่ 1 คืนเงินทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยเท่านั้นแต่ไม่มีสิทธิที่จะบังคับเอาจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยที่ขัดต่อบทบัญญัติตาม ป.พ.พ. มาตรา 351 จึงไม่ชอบ และปัญหาดังกล่าวแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็สามารถวินิจฉัยให้ถูกต้องได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 และเมื่อหนี้ที่เกิดจากการแปลงหนี้ใหม่ คือสัญญาจะซื้อจะขายทาวน์เฮาส์มิได้เกิดขึ้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 351 จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดชำระเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับจากการขายที่ดินโฉนดเลขที่ 177532 จำนวน 6,000,000 บาท แก่โจทก์
ติดต่องาน ขอทราบค่าบริการ
คดีความ / รับว่าความ
ที่ปรึกษากฎหมาย
ร่างข้อบังคับและสัญญาทั้งThai/Eng
สอบถามค่าบริการได้ทาง
Line@ คลิ๊ก : https://lin.ee/ltTK0H1
ทนายนำชัย พรมทา โทร : 086 331 4759
ทนายสถิตย์ อินตา โทร : 083 568 1148
ติดตามข่าวสารของเราได้ทาง
Facebook : สำนักกฎหมายนำชัย พรมทา
Youtube : https://www.youtube.com/@numchailawyer_channel
เว็บไซต์ : https://numchailawyer.com/
อ่านบทความทั้งหมด : https://numchailawyer.com/blog/
E-mail : numchailaw.office@gmail.com
#สำนักกฎหมายนำชัยพรมทา, #กฎหมาย, #นำชัยพรมทา, #บทความกฎหมาย, #คลังความรู้กฎหมาย, #ปรึกษากฎหมายฟรี, #ปรึกษาด้านกฎหมาย, #จ้างทนายความ, #ทนายคดีอาญา, #ทนายคดีแพ่ง, #จ้างทนายความ, #ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดู, #ผู้ถือหุ้นฟ้องกรรมการบริษัท,