บริษัทไม่ได้รับชำระค่าหุ้นจริง กรรมการติดคุก
ทำไมผมถึงบอกว่าบริษัทที่ไม่ได้รับชำระค่าหุ้นจริงๆจากผู้ถือหุ้นกรรมการอาจติดคุกได้ ก็เพราะว่าร้อยทั้งร้อยของบริษัท SME มักจดทะเบียนบริษัทที่ทุน 1 ล้านบาท หรือ อย่างมากก็ไม่เกิน 5 ล้านบาท แล้วถามว่ามีเงินจำนวน 1 ล้านบาทหรือ 5 ล้านบาท มาลงชำระค่าหุ้นจริงๆกันมั๊ย ความจริงร้อยทั้งรอยก็คือไม่ แต่วันที่ไปจดทะเบียนตั้งบริษัท ต้องส่งเอกสารประกอบการจดทะเบียน ซึ่งก็จะมีใบสำคัญการรับชำระค่าหุ้น และก็จะมีลายมือชื่อของกรรมการบริษัท เซ็นว่า “ได้รับชำระค่าหุ้นจากผู้ถือหุ้น” จากนาย ก. นาย ข. นาย ง. ไปครบถ้วนแล้ว แต่เงินไม่ได้รับมาจริงๆ ครั้นพอถึงตอนสิ้นปีจะต้องทำงบการเงิน ก็ไม่รู้จะอธิบายให้บัญชีฟังว่าเงินตามเอกสารนั้นมันหายไปไหน ก็ทำเอกสารทางบัญชี และ ลงในงบการเงินเป็นว่า กรรมการยืมเงินของบริษัทไป เรื่องนี้ก็ทำกันอยู่ทั่วบ้านทั่วเมืองใครๆเขาก็ทำกัน ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าวันดีคืนดีกรรมการกับผู้ถือหุ้นทะเลาะกัน งานนี้มีบรรลัยแน่ๆ เพราะกรรมการดันไปลงชื่อรับเงินจากผู้ถือหุ้นไปแล้ว แต่นำไปให้ตนเองหรือบุคคลอื่นยืมโดยไม่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นบางคนอาจถือว่ากรรมการยักยอกเงินของบริษัทก็ได้เพราะไม่ได้นำเงินไปใช้ในกิจการตามวัตถุประสงค์ของกิจการ กรรมการก็จะอ้างว่าความจริงแล้วยังไม่รับเงินค่าหุ้นก็ไม่ได้ เพราะเอกสารที่นำไปจดทะเบียนมันปรากฏชัดว่ากรรมการได้รับเงินค่าหุ้นไปแล้ว งานนี้กรรมการก็มีแต่ตายลูกเดียว หนักหน่อยก็ถูกฟ้องคดีอาญาข้อหายักยอกทรัพย์ หรือ ทำเอกสารเป็นเท็จตาม พรบ.กำหนดความผิดของห้างหุ้นส่วนฯ พ.ศ.2499 มาตรา 42 หรือ ถ้าเบาลงมาหน่อยก็ถูกฟ้องคดีแพ่งเพื่อให้เอาเงินมาคืนบริษัท ทั้งๆที่ตนเองไม่ได้รับเงินไปจริงเลยแม้แต่บาทเดียว เรื่องนี้จึงนำมาเล่าให้ทุกท่านได้ฟังกันจะได้ระมัดระวังหากจะมีการจดทะเบียนตั้งบริษัทในลักษณะนี้ ไม่ว่าท่านจะอยู่ในฐานะกรรมการหรือผู้ถือหุ้น หากจะทำธุรกิจก็จะมีความเสี่ยงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงตามสภาพของเศรษฐกิจ หรือ ความเสี่ยงทางกฎหมาย เมื่อเกิดขึ้นกับกิจการไหนก็มีโอกาสเจ๊งได้เหมือนกัน คดีประเภทนี้มีการฟ้องคดีกัน และมีกรรมการต้องติดคุกมาเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้มานักต่อนักแล้วครับ
โดย ทนายนำชัย พรมทา
086-331-4759
