#เอกสารเกี่ยวกับที่ดินหลักๆ เลย มีโฉนด ,หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ( นส.3 ) และ สค.1

Published by lawyer_admin on

#เอกสารเกี่ยวกับที่ดินหลักๆ เลย มีโฉนด ,หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ( นส.3 ) และ สค.1

#เอกสารเกี่ยวกับที่ดินหลักๆ  เลย มีโฉนด ,หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ( นส.3 )  และ สค.1

เฉพาะโฉนดที่ดินเท่านั้นที่เเสดงออกว่าใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์   ส่วน นส.3 และ สค.1  เป็นเพียงการแสดงสถานะว่าใครเป็นผู้มีสิทธิครอบครองเท่านั้น   

ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพถึงสถานะของเอกสารของที่ดิน  ต้องบอกว่าโฉนดที่ดิน คือ เบอร์1 ส่วน นส.3,สค 1  เป็นลำดับรองลงไป 

คำว่า กรรมสิทธิ์  กับ  สิทธิครอบครอง  ในทางกฎหมายมีผลเเตกต่างกันมากทีเดียว  ทั้งในเรื่องการได้สิทธิเเละการเสียสิทธิ   หากจะอธิบายในที่นี้คงจะยืดยาวไปเสีย…

#ส่วนฎีกาที่  3169/64  ที่นำมาเเสดงนี้   ต้องการให้เห็นว่า  แม้ใครก็ตามจะมีชื่อใน  นส .3  ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครอง   เพราะคำว่าสิทธิครอบครองจะต้องเเสดงออกในทางข้อเท็จจริง  โดยต้องมีการครอบครอง  เเละเจตนายึดถือการครอบครองเพื่อตน   เมื่อคนมีชื่อใน  นส .3  ไม่ใช่เจ้าของเเล้ว  ก็ไม่สามารถนำไปออกโฉนด  หรือขายให้แก่บุคคลอื่นได้  ไม่ยกเว้นเเม้กระทั่ง  สปก.  ดังนั้น เเม้บุคคลภายนอกจะรับซื้อไว้ก็ไม่ได้สิทธิ   ทั้งนี้เป็นไปตามหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน 

#คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3169/2564

ที่ดินพิพาทมีหลักฐานเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 535 จึงมีเพียงสิทธิครอบครอง ส. เป็นผู้ยึดถือครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน ส. จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยเจตนายึดถือเพื่อตนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1367 และมีสิทธิขายที่ดินพิพาทและมอบการครอบครองแก่โจทก์ได้ การที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 535 มีชื่อ อ. เป็นผู้มีสิทธิครอบครองเป็นเพียงข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 1373 ส่วนความเป็นจริงผู้ใดจะมีสิทธิครอบครองต้องพิจารณาว่าผู้ใดเข้ายึดถือครอบครอง อ.ไม่เคยเข้าครอบครองที่ดินพิพาทย่อมไม่มีสิทธิครอบครอง ไม่อาจขายที่ดินพิพาทแก่กระทรวงการคลังได้ และการที่กระทรวงการคลังจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ครอบครองทำประโยชน์มาเป็นจำเลยที่ 1 เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน มิได้มีการเข้าครอบครองยึดถือที่ดินเพื่อตนตามความเป็นจริง แม้จำเลยที่ 1 เป็นสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและตาม พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 36 ทวิ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “บรรดาที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ใด ๆ ที่ ส.ป.ก. ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ หรือได้มาโดยประการอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไม่ให้ถือว่าเป็นที่ราชพัสดุและให้ ส.ป.ก. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อใช้ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” แต่บทบัญญัติดังกล่าวมิได้มุ่งหมายให้จำเลยที่ 1 กล่าวอ้างการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์แตกต่างจากเจ้าของทรัพย์สินทั่วไปที่มีสิทธิตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 การที่จำเลยที่ 1 โดยกระทรวงการคลังจัดซื้อที่ดินพิพาทจากผู้ที่มิได้เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครอง จำเลยที่ 1 ย่อมไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทเช่นเดียวกัน จึงไม่มีสิทธินำที่ดินพิพาทไปขอออกโฉนดพิพาทได้

#สำนักกฎหมายนำชัย พรมทา
Contact Us
ทนายนำชัย พรมทา โทร : 086-331-4759  
ทนายสถิตย์ อินตา โทร : 083-568-1148

ติดตามข่าวสารของเราได้ทาง
Facebook : สำนักกฎหมายนำชัย พรมทา
เว็บไซต์ : https://numchailawyer.com/

อ่านบทความทั้งหมด : https://bit.ly/2XVVfKQ
📧E-mail : numchailaw.office@gmail.com
.

แชร์หน้านี้ !!